วิดีโอแสดงความสามารถของ Apple iPhone 4S
ฟิล ชิลเลอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ แอปเปิล กล่าวว่า สำหรับ iPhone 4S จะเป็นการปรับเปลี่ยนแบบ Minor Change ที่ยังคงรูปทรงและหน้าตาแบบเดิม (ไอโฟน 4) แต่ในส่วนของสเปกจะมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องหน่วยประมวลผลเป็น Apple A5 Dual Core พร้อมกราฟิกชิปแบบคู่ ที่ทางแอปเปิลการันตีว่าจะเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า 2 เท่า ส่วนกราฟิกจะเร็วขึ้น 7 เท่า
สำหรับกล้องถ่ายภาพนิ่งใน iPhone 4S จะมีการอัปเกรดความละเอียดเพิ่มเป็น 8 ล้านพิกเซล (3,264 x 2,448 พิกเซล) สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด FullHD 1080p พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ Backside illumination ส่วนรูรับแสงจะอยู่ที่ f/2.4 เลนส์กระจก 5 ชิ้น และฟิลเตอร์กรองภาพ Hybrid IR filter ที่ช่วยให้ภาพมีสีที่สดใสและสัญญาณรบกวนน้อยลง อีกทั้งตัวกล้องยังมาพร้อมระบบ Face Detection และระบบลดการสั่นไหวของภาพขณะถ่ายวิดีโอ
ด้านจุดเด่นนอกเหนือความสามารถฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้นและระบบปฏิบัติการ iOS 5 แล้ว ฟิลล์ อธิบายว่า iPhone 4S ยังมีความสามารถเด่นอยู่ที่ระบบ Siri ที่เป็นการเพิ่มความอัจฉริยะให้ไอโฟนให้สามารถสนทนากับผู้ใช้ผ่านการประมวลผลจาก AI เช่น ถ้าถาม Siri ว่า “วันนี้อากาศเป็นอย่างไร Siri จะตอบโดยอิงข้อมูลจากแอปฯ สภาพอากาศว่า ตอนนี้ฝนตก หรือจะให้ Siri หาเส้นทาง Siri ก็สามารถทำได้” โดยตอนนี้ภาษาที่รองรับกับ Siri จะมีอยู่ 3 ภาษาคือ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน
ส่วนด้านประสิทธิภาพการรองรับเครือข่ายโทรศัพท์ ชิลเลอร์กล่าวว่า ใน iPhone 4S ทางแอปเปิลได้แก้ไขปัญหาเรื่องการรับสัญญาณให้ดีขึ้น นอกจากนั้น iPhone 4S ยังถูกปรับเปลี่ยนเป็น World Phone กล่าวคือ จะสามารถรองรับเครือข่ายโทรศัพท์ GSM และ CDMA ในเครื่องเดียว และทางแอปเปิลยังได้อัปเกรดความเร็วดาวน์โหลด 3G เพิ่มอีก 2 เท่าจากรุ่นเดิมที่รับความเร็วได้เพียง 7.2Mbps ขยายเป็น 14.4Mbps
อีกทั้งยังได้เพิ่มความจุของแบตเตอรี่ให้สามารถสนทนาผ่านเครือข่าย 3G ได้ 8 ชั่วโมง 2G 14 ชั่วโมง ส่วนการเล่นเว็บเบราว์เซอร์สำหรับการใช้ดาต้า 3G จะสามารถเล่นได้ 6 ชั่วโมง ผ่าน WiFi ได้ 9 ชั่วโมง และสุดท้ายการเล่นไฟล์มัลติมีเดียสำหรับวิดีโอจะสามารถเล่นได้ 10 ชั่วโมง ส่วนเพลงจะเล่นได้ 40 ชั่วโมง
ด้านระบบปฏิบัติการที่มาพร้อม iPhone 4S ก็เป็นไปตามคาด คือ iOS 5 (ที่ปัจจุบันปล่อยให้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันของแอปเปิลดาวน์โหลดฟรี) โดยจุดเด่นของระบบปฏิบัติการนี้อยู่ที่ระบบ iCloud และการทำให้อุปกรณ์ iOS Device เป็น PC Free ทำให้ในอนาคตผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อไอจูนเพื่อซิงค์ข้อมูล รวมถึงการอัปเดต iOS หรือแอปฯ ต่างๆ สามารถทำที่ iOS Device ได้โดยตรง
นอกจากนั้นระบบปฏิบัติการ iOS 5 ยังสามารถใช้งานร่วมกับ iPhone 4, 3Gs, iPad 2, iPad, iPod Touch Gen4th และ iPod Touch Gen 3rd โดยทางแอปเปิลจะเปิดให้อัปเดตอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม
สำหรับราคาเปิดตัว iPhone 4S จะอยู่ที่ 16GB 199 ดอลลาร์, 32GB 299 ดอลลาร์ และ 64GB 399 ดอลลาร์ ส่วน iPhone 4 มีการปรับราคาใหม่เริ่มตั้งแต่ 8GB 99 ดอลลาร์ และ iPhone 3GS 8GB แบบไม่คิดค่าเครื่องแต่ผูกสัญญา 2 ปี
โดยทยอยวางจำหน่ายใน 7 ประเทศหลักได้แก่ สหรัฐฯ แคนนาดา ออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น วันที่ 14 ตุลาคม 2554 และอีก 22 ประเทศแบบไร้เงาประเทศไทยในวันที่ 28 ตุลาคม
**ไอพอดอัปเดตใหม่ - นาโนหั่นราคาลง**
นอกจากจะมีการเปิดตัว iPhone 4S ในส่วนของ iPod ก็ยังมีการปรับเปลี่ยนตาม โดยในส่วนของ iPod Nano ทางแอปเปิลจะมีการปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ที่ทำให้ iPod Nano สามารถแสดงไอคอนได้ใหญ่ขึ้น และปรับปรุงในเรื่องของ Nike+ ให้สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง Dongles พร้อมหั่นราคา 8GB จากเดิม 149 ดอลลาร์ เหลือ 129 ดอลลาร์ ส่วน 16GB 179 ดอลลาร์ เหลือ 149 ดอลลาร์
ส่วน iPod Touch จะสามารถอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็น iOS 5 ได้ในวันที่ 12 ตุลาคม โดยจะมาพร้อมฟีเจอร์ iMessage และ Game Center และราคาอยู่ที่ 8GB 199 ดอลลาร์, 32GB 299 ดอลลาร์, 64GB 399 ดอลลาร์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น