Has Art Gallery

Has Art Gallery
B314 Central World Plaza, Bangkok

Photo Gallery

Photo Gallery
Has Art Gallery, B314 Central World Plaza, Bangkok

Suwan Khanboon 67 (80x120 cm)

Suwan Khanboon 67 (80x120 cm)
Abstract Style Oil painting

Niran Paijit 9 (25x30")

Niran Paijit 9 (25x30")
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY NIRAN PAIJIT, SIZE 20 x 24"

Morakot Saengburin 14 (24x36)

Morakot Saengburin 14 (24x36)
Original handpainted oil painting on canvas

Supot 5 (80x100 cm)

Supot 5 (80x100 cm)
Original handpainted oil painting on canvas by Supot Charoenporn

Vanna Yoo-Kong 23 (16x24")

Vanna Yoo-Kong 23 (16x24")
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY VANNA YOO-KONG, SIZE 16 x 24"

Udom Poh-Klad 97 (24x36")

Udom Poh-Klad 97 (24x36")
ORIGINAL HANDPAINTED IMPRESSIONIST OIL PAINTING BY UDOM POH-KLAD, SIZE 24 x 36"

Rat Kamsrisuk 20 (24x36")

Rat Kamsrisuk 20 (24x36")
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY RAT KAMSRISUK, SIZE 24 x 36"

Chavana Boonchoo 5 (24x32")

Chavana Boonchoo 5 (24x32")
ORIGINAL HANDPAINTED OIL PAINTING BY CHAVALIT (PONG), SIZE 24 x 28"

ไอแพดสร้างประโยชน์ ช่วยเด็ก CVI เรียนรู้ได้ดีขึ้น

ขอบคุณภาพจากเดลิเมล
แม้ซีอีโอผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมโลกไอทีอย่างสตีฟ จ็อบส์จะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้ข้างหลังก็ได้สร้างประโยชน์ให้กับผู้คนจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือเด็กที่มีภาวะ cortical visual impairment (CVI) หรือเด็กที่เสียการระลึกรู้ทางการเห็น อันเนื่องจากความผิดปกติของสมอง เมื่อนักวิจัยพบว่า ไอแพดสามารถช่วยให้เด็กกลุ่มนี้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

โดยนักวิจัยพบว่า แอปพลิเคชันสำหรับเด็ก และตัวของไอแพดเองสามารถช่วยเด็กที่มีภาวะ cortical visual impairment (CVI) ให้สามารถแปลข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้รับผ่านทางหน้าจอได้ดีขึ้น

ความผิดปกติทางสมองเป็นตัวการหลักของภาวะ CVI นี้ โดยมันทำให้เด็ก ๆ ไม่สามารถแปลผลที่ได้จากการมองเห็นได้เลย ซึ่งทำให้พวกเขาเปรียบเสมือนคนตาบอดกลาย ๆ แต่เมื่อทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคนซัสได้ทดลองแจกแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ให้กับเด็กที่มีภาวะ CVI ก็พบว่า เด็ก ๆ เริ่มแปลข้อมูลที่ได้รับได้ และมีผลลัพธ์จากการทดลองเป็นที่น่าพอใจในหลาย ๆ ด้าน

ศาสตราจารย์ Muriel Saunders หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า "การศึกษาครั้งนี้ได้มีเด็กที่มีภาวะ CVI เข้าร่วมทดลอง 15 คน ซึ่งผลของมันน่าประหลาดใจมาก เมื่อเด็กทุกคนล้วนติดใจไอแพด จากเดิมที่พวกเขาไม่สนใจคนอื่น ๆ ไม่ตอบสนองต่อวัตถุสิ่งของ กลับหันมาสนใจไอแพดกันถ้วนหน้า"

สำหรับการบำบัดเด็กกลุ่มนี้ โดยทั่วไป นักบำบัดจะใช้กล่องแสง (Light box) ในการพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร แต่กล่องแสงก็มีเพียงแค่แสงสีขาวกับดำเท่านั้น ไม่มีเสียงเพลง หรือสีสันอื่น ๆ ที่น่าสนใจสำหรับเด็กเลย ไม่เพียงเท่านั้นในเด็กที่มีอาการหนัก ๆ อาจต้องใช้เวลาในการมองแสงสว่างเป็นเวลานาน และอาจต้องปรับค่า Contrast ให้อยู่ในระดับสูง แต่เมื่อนำไอแพดมาใช้ ก็พบว่ามันทำงานได้หลากหลายกว่า อีกทั้งยังมีการโต้ตอบกับผู้ใช้ผ่านภาพในรูปทรงต่าง ๆ แถมยังมีสีสันอีกด้วย ที่สำคัญ นักวิจัยไม่ได้พัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ ๆ แต่อย่างใด พวกเขาใช้แอปพลิเคชันสำหรับเด็กที่มีให้ดาวน์โหลดมากมายในการทดสอบครั้งนี้

"เราใช้แอปพลิเคชันสำหรับเด็กที่สามารถดาวน์โหลดได้ทั่วไป เช่น Baby Finger ซึ่งการทำงานหลัก ๆ มันจะคล้ายคลึงกับการใช้ Light box แต่แทนที่จะมีแค่แสงสีขาวกับสีดำ ไอแพดมันมีสีสันมากกว่านั้น"

ศาสตราจารย์ Saunder กล่าวสรุปถึงการศึกษาในครั้งนี้ว่า การใช้ไอแพดไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กได้โต้ตอบกับโปรแกรม แต่เรายังสามารถใช้เครื่องมือดังกล่าวสอนเด็กได้ง่ายมากขึ้นผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งผู้ปกครองที่สนใจสามารถค้นหาดูได้ว่าโปรแกรมอะไรบ้างที่เหมาะสำหรับนำมาใช้พัฒนาเด็ก และมีความยากง่ายแตกต่างกันไปด้วย

ทั้งนี้ การบำบัดเด็กที่มีภาวะ CVI ในช่วงอายุยังน้อยไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องพัฒนาการของพวกเขา แต่ยังช่วยให้เขาพัฒนาการมองเห็นได้ดีขึ้น และศาสตราจารย์ Saunders มองว่า การมาถึงของแท็บเล็ตพีซีเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนแปลงเทคนิคการบำบัดอย่างมาก

"เราพบว่า เซลล์สมองของเด็กเริ่มทำความเข้าใจในสิ่งที่ตาของพวกเขามองเห็น แม้จะทำได้เต็มร้อยบ้าง ไม่เต็มร้อยบ้าง แต่พวกเด็ก ๆ ก็มีพัฒนาการ สามารถแปลความหมายของภาพต่าง ๆ ได้บ้างแล้ว"
      
      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น